ความเค้นและความเครียด
(Stress and Strain)
ในการวิเคราะห์ออกแบบโครงสร้างหรือเครื่องจักรกลใด ๆ เรามีข้อต้องพิจารณาอยู
่2 ข้อ คือ
1. ภายในโครงสร้างแข็งแรงพอที่จะรับน้าหนักหรือแรงที่กระทำได้หรือไม่
2. ภายในโครงสร้างแกร่งพอที่จะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปร่างมากเกินไปหรือไม่
ในวิชากลศาสตร์ เราจะพิจารณาแรงในวัตถุโดยไม่คำนึงถึงขนาดที่เปลี่ยนแปลง
แต่ใน วิชากลศาสตร์ของแข็ง เราจะต้องพิจารณาทั้งสองอย่างนี้พร้อมกันไปด้วย
ชนิดของแรง (Types of loads)
แรงที่กระทำต่อวัสดุหรือส่วนของโครงสร้างใด
ๆ ก็ตาม สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1.
แรงที่อยู่นิ่ง (static load)
เป็นแรงที่กระทำต่อชิ้นส่วนของโครงสร้างอย่างช้า
ๆ จนกระทั่งมีค่าถึงค่าหนึ่ง แล้วจะมีค่าคงที่อยู ่ตลอดไปหรือเกือบเท่ากับค่านั้นตลอดไป
เช่น แรงที่กระทำบนอาคารต่าง ๆ แรงเนื่องจากความดัน ของภายในหม้อความดันที่กระทำต่อรอยเชื่อม
1.
แรงที่กระทำซ้า
ๆ (repeated load)
หมายถึง แรงหรือน้าหนักที่กระทำต่อโครงสร้างหรือวัสดุหลายครั้งซ้า
ๆ กัน และสลับกันไปมา ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น แรงกระทำต่อข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ เพลารถไฟ
ก้านลูกสูบของเครื่องอัด อากาศ ฯลฯ
1.
แรงกระแทก (impact load)
เป็นแรงที่กระทำต่อชิ้นส่วนในระยะเวลาอันสั้นโดยปกติแล้วไม่สามารถที่จะหาระยะเวลาที่แรง
กระแทกนี้กระได้ล่วงหน้า เช่น แรงกระแทกที่เกิดจากรถยนต์วิ่งข้ามสะพาน หรือการปล่อย
น้าหนักกระทบบนส่วนของโครงสร้าง เป็นต้น
1. ความเค้น (Stress)
ความเค้น
คือ แรงภายนอกที่มากระทำผ่านจุดศูนย์ถ่วงของพื้นที่หน้าตัดของวัสดุนั้น หรือ คือแรงภายนอกต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่ใช้สัญลักษณ์ว่า
σ (sigma) โดยวิธี take limit จะได้ว่า
σ = OAlim→Δ AΔPΔ (2.1)
σ = AP
เมื่อวัตถุอยู่ในสภาวะสมดุล
แรงภายนอกที่มากระทำบนวัตถุจะต้องมีแรงภายในต้าน ขนาดรวมแล้วเท่ากับแรงภายนอกของวัตถุที่ถูกกระทำ
แรงภายนอก = แรงภายใน
F = P
ดังนั้น σ = AF
(2.2)
กําหนดให้
σ คือ AF เป็นแรงภายนอกต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่
ซึ่งเรียกว่า ความเค้น (stress)
A คือ พื้นที่หน้าตัดของท่อนวัตถุ
F คือ แรงภายนอกที่กระทำกับวัตถุ
เนื่องจากในที่นี้เราจะใช้หน่วยระบบเอสไอ (SI
metric units) ดังนั้นแรง (F) จึงมีหน่วย เป็นนิวตัน
(N) พื้นที่ (A) มีหน่วยเป็นตารางเมตร
(m2) และความเค้น (σ) มีหน่วยเป็นนิวตันต่อ ตารางเมตร (N/m2) หรือเรียกว่า
ปาสคาล (Pa)
ชนิดของความเค้นที่เกิดขึ้นกับวัสดุสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
1.1 ความเค้นดึง (tensile stress) สัญลักษณ์
σt จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุอยู่ภายใต้แรงดึง โดย แรงดึงจะต้องตั้งฉากกับพื้นที่หน้าตัดที่กระทำนั้น
ความเค้นดึงจะให้เครื่องหมายแสดงเป็นบวก
สมการ
σt = (2.3)
ให้
σt คือ ความเค้นดึงที่เกิดขึ้นมีหน่วยเป็น N/m2
A คือ พื ้นที่หน้าตัดของวัตถุมีหน่วยเป็น
m2
F คือ แรงดึงที่กระทำกับท่อนวัตถุตั้งฉากกับพื้นที่หน้าตัด
มีหน่วย เป็น N
1.2 ความเค้นอัด (compressive stress) สัญลักษณ์
σc จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุอยู่ภายใต้ แรงอัดโดยแรงอัดจะต้องกระทำตั้งฉากกับพื้นที่หน้าตัดของท่อนวัตถุที่กระทำนั้น
ความเค้นดึงจะ ให้เครื่องหมายแสดงเป็นลบ
จะได้สมการ σc = AF
(2.4)
ให้
σc คือ ความเค้นอัดที่เกิดขึ้นมีหน่วยเป็น N/m2
A คือ พื้นที่หน้าตัดของท่อนวัตถุมีหน่วยเป็น
m2
F คือ แรงอัดที่กระทำกับท่อนวัตถุมีหน่วยเป็น
N จะได้ความสัมพันธ์
1.3 ความเค้นเฉือน (shear stress) สัญลักษณ์
τ (tau) เป็นแรงภายนอกที่มากระทำต่อ วัตถุนั้นโดยพยายามทำให้วัตถุเกิดการขาดจากกันตามแนวระนาบที่ขนานกับทิศทางของแรงนั้น
จะได้สมการ
τ = (2.5)
ให้
τ คือ ความเค้นเฉือนที่เกิดขึ้น มีหน่วยเป็น N/m2
A คือ พื ้นที่หน้าตัดที่ขนานกับแรง
มีหน่วยเป็น m2
F คือ แรงเฉือนที่กระทำกับท่อนวัตถุ
มีหน่วยเป็น N
ตัวอย่าง 1.1 ลวดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 มิลลิเมตร นำมาใช้แขวนวัตถุมวล 80 กิโลกรัม จงหา ความเค้นดึงในเส้นลวด
วิธีทำ จากสมการ
σt = AF
เมื่อ F = 80
kg×9.81 m/s2
F = 784.8 N
A = 224π mm2
A = 3.1416 mm2
แทนค่า σt =
1416.38.784 N/mm2
σt =
249.809 N/mm2
ตอบ ความเค้นดึงในเส้นลวดมีค่าเท่ากับ 249.809
นิวตัน/ตารางมิลลิเมตร
ตัวอย่าง 1.2 เสาคอนกรีตกลวงมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก 140 มิลลิเมตร และเส้นผ่าน ศูนย์กลางภายใน 60 มิลลิเมตร อยู่ภายใต้
แรงอัดในเสาคอนกรีต 245 กิโลนิวตัน จงหาความเค้น อัดในเสาคอนกรีต
วิธีทำ จากสมการ
σc =
เมื่อ F =
245×103 N
A = )60140(422−π mm2
A = 125.37 mm2
แทนค่า σc =
37.12566102453× N/mm2
σc =
19.496 N/mm2
ตอบ ความเค้นอัดในเสาคอนกรีตมีค่าเท่ากับ 19.496 นิวตัน/ตารางมิลลิเมตร
ตัวอย่างที่ 1.3 จงคำนวณหาความเค้นเฉือนที่ใช้ตัดเจาะโลหะหนา 2 มิลลิเมตร ให้เป็นรูขนาดเส้น ผ่านศูนย์กลาง 50 มิลลิเมตร
โดยใช้แรงในการตัดเท่ากับ 110 กิโลนิวตัน
วิธีทำ จากสมการ
τ = AF
เมื่อ F =
110×103 N
A = πdt
A = π×50 mm×2
mm
A = 314.159 mm2
แทนค่า τ =
159.314101103× N/mm2
τ =
350.141 N/mm2
ตอบ ความเค้นที่ใช้ตัดเจาะมีค่าเท่ากับ 350.141
นิวตัน/ตารางมิลลิเมตร
2. ความเครียด (Strain)
ความเครียด
ใช้สัญลักษณ์ ε อักษรกรีก เรียกว่า epsilon เป็นการเปลี่ยนแปลงของวัตถุเมื่อ
มีแรง ภายนอกมากระทำกับวัตถุ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นการเปลี่ยนแปลงต่อขนาดเดิม
ซึ่ง หมายถึง ความยาวที่เปลี่ยนไปต่อความยาวเดิม จะได้
ความเครียด =
ε = Lδ (2.6)
กําหนดให้
ε คือ ความเครียด (ไม่มีหน่วย)
δ คือ ความยาวที่เปลี่ยนไปมีหน่วยเป็น mm (อักษรกรีกอ่านว่า
Delta)
L คือ ความยาวเดิมของวัตถุ
ชนิดของความเครียด
ความเครียดที่เกิดขึ้นในวัตถุสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. ความเครียดดึง (tensild strain) สัญลักษณ์
εt เมื่อท่อนวัตถุถูกกระทำด้วยแรงดึงตาม แนวแกน และเพิ่มแรงดึงขึ้นอย่างช้า
ๆ ท่อนวัตถุนี้ก็จะเกิดการยืดออกทีละน้อยตามขนาดของแรง ดึงที่เพิ่มขึ้นของแรง
F ทำให้ท่อนวัตถุยืดออกเท่ากับ δ ดังแสดงในรูปที่ 2.6 ขณะที่ท่อนวัตถุยืด ออกก็จะเกิดการหดตามแนวดิ่งของท่อนวัตถุนั้น
เมื่อ
εt คือ ความเครียดดึงที่เกิดขึ้น
δ คือ ส่วนที่ยืดออกของวัตถุมีหน่วยเป็น mm
L คือ ความยาวเดิมของวัตถุนั้นมีหน่วยเป็น
mm
2. ความเครียดอัด (compressive strain) สัญลักษณ์
εc เมื่อท่อนวัตถุถูกกระทำด้วยแรง กดตามแนวแกน และเพิ่มแรงกดขึ้นอย่างช้าจนทำให้ท่อนวัตถุหดตัวลงเท่ากับ
รูปที่ 2.7 ความเครียดอัด
จะได้สมการ
εc = Lδ
เมื่อ
εc คือ ความเครียดกดที่เกิดขึ้น
δ คือ ส่วนที่หดตัวของวัตถุมีหน่วยเป็น mm
L คือ ความยาวเดิมของวัตถุนั้นมีหน่วยเป็น
mm
หมายเหตุ
ความเครียดดึงและความเครียดอัดจะไม่มีหน่วย เพราะหน่วยของความยาวที่ เปลี่ยนไปทำต่อความยาวเดิมเป็นหน่วยเดียวกัน
จึงตัดไปหมด F δ
3. ความเครียดเฉือน (shear strain) สัญลักษณ์
γเรียกว่า gamma เมื่อมีแรงเฉือนกระทำ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหรือเกิดความเครียดขึ้นมา
ความเครียดที่เกิดขึ้นนี้ เรียกว่า ความเครียดเฉือน
รูปที่ 2.8 ความเครียดเฉือน
ความเครียดเฉือน
γ = Lδ
แต่ tan θ = Lδ
γ = tanθ
เมื่อ
θ เป็นมุมที่เฉไป แต่มุม θ นี้จะเล็กมาก ดังนั้น
tanθ ≈ θ เรเดียน
ดังนั้นความเครียดเฉือนจึงเป็นการวัดมุมที่เฉไป
มีหน่วยเป็นเรเดียน (rad) δ τ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น